วันศุกร์, มีนาคม 05, 2553

คิดดอกเบี้ยทบต้นย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย


บางครั้งธนาคารหรือบริษัท ในเครือเจ้าของบัตรเครดิต มีการจัดทำรายการบัญชีการใช้บัตรเครดิตของสมาชิกบัตรเครดิตที่ไม่มีความชัดเจน มีการคิดดอกเบี้ยทบต้น เบี้ยปรับ และค่าธรรมเนียมต่างๆ เข้ากับเงินต้นเป็นรายเดือน ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนถึงจำนวนเงินต้นที่แท้จริง ที่มาจากการเบิกถอนเงินสดจากเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ การซื้อสินค้าและการบริการต่างๆ ที่การนำดอกเบี้ยที่คิดไว้เป็นรายเดือน เบี้ยปรับและค่าธรรมเนียมต่างๆ ทบเข้ากับเงินต้นเป็นต้นเงินจำนวนใหม่ และคิดดอกเบี้ยจากต้นเงินจำนวนใหม่เป็นรายเดือนต่อไป ซึ่งลักษณะดังกล่าวเป็นการคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย

วันพฤหัสบดี, มีนาคม 04, 2553

สมาชิกบัตรเครดิตเสียชีวิต


ธนาคารหรือบริษัทในเครือธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของสมาชิกบัตรเครดิต ต้องดำเนินการฟ้องศาลต่อทายาททีมีสิทธิรับมรดก หรือผู้จัดการทรัพย์มรดกของสมาชิกบัตรที่ตกเป็นลูกหนี้ ภายในกำหนดเวลาหนึ่งปี นับแต่เมื่อธนาคารหรือบริษัทในเครือเจ้าของบัตรเครดิตได้รู้หรือควรจะได้รู้ถึงความตายของสมาชิกบัตรเครดิต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ มาตรา ๑๗๔๕ วรรคสาม ในกรณีถ้าไม่มีผู้จัดการทรัพย์มรดกของสมาชิกบัตรเครดิตแล้ว ธนาคารหรือบริษัทในเครือเจ้าของบัตรเครดิตจำต้องฟ้องทายาทที่มีสิทธิรับมรดกของสมาชิกบัตรคนใดคนหนึ่งก็ได้ ไม่จำเป็นต้องฟ้องทายาทที่มีสิทธิรับมรดกดังกล่าวทุกคน แต่ถ้ามีผู้จัดการทรัพย์มรดกของสมาชิกบัตรเครดิตแล้ว ธนาคารหรือบริษัทในเครือเจ้าของบัตรเครดิตก็มีอำนาจฟ้องผู้จัดการทรัพย์มรดกของสมาชิกบัตรเครดิตที่ถึงแก่ความตายนั้นได้ หรือจะฟ้องทายาทที่มีสิทธิรับมรดกของสมาชิกบัตรเครดิตคนใดคนหนึ่งก็ได้

วันพุธ, มีนาคม 03, 2553

การรับสภาพหนี้บัตรเครดิต


การรับสภาพหนี้ คือการที่สมาชิกบัตรเครดิตได้ทำเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ต่อธนาคารหรือบริษัทในเครือธนาคารเจ้าบัตรเครดิต ซึ่งเป็นไปตามสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ โดยสมาชิกบัตรเครดิตจะต้องลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน หรือแม้การรับสภาหนี้ของสมาชิกบัตรเครดิตโดยการชำระหนี้เงินต้นที่ค้างชำระ หรือชำระดอกเบี้ยซึ่งการชำระนี้ แม้เพียงบางส่วนหรือทั้งหมดให้แก่ธนาคารหรือบริษัทในเครือธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต ก็ถือว่าเป็นการรับสภาพหนี้โดยปริยายแล้ว การรับสภาพหนี้ทำให้อายุความที่เดินอยู่ซึ่งตามกฎหมายกำหนดไว้สองปี ถ้ามีการรับสภาพหนี้ในช่วงอายุความดังกล่าว อันจะเป็นผลให้อายุความเดินอยู่นั้นหยุดลงทันที ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ มาตรา ๑๙๓/๑๔(๑) และมาตรา ๑๙๓/๑๕ และมาตรา๑๙๓/๒๙ อายุความก็จะเริ่มต้นนับใหม่ในวันรุ่งขึ้นเป็นเวลาอีก ๒ ปีเช่นเดิม ถ้ามีการรับสภาพหนี้ไม่ว่าจะเป็นการที่สมาชิกบัตรลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน หรือชำระหนี้เงินต้นที่ค้างชำระ หรือชำระดอกเบี้ยแม้เพียงบางส่วนก็จะทำให้อายุความหยุดลงอีกเช่นกัน และเริ่มนับอายุความ ๒ ปีใหม่เป็นอย่างนี้เรื่อยไป

วันอังคาร, มีนาคม 02, 2553

อายุความฟ้องร้อง ๒ ปี


สัญญาบัตรเครดิต เป็นสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา๑๙๓/๓๔ (๗) เป็นสัญญารับทำการงานต่างๆให้แก่สมาชิก ซึ่งมีอายุความตามสิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ ๒ ปี นับแต่เมื่อสมาชิกบัตรเครดิตผิดนัดชำระหนี้ , ชำระหนี้ไม่ถูกต้องตามกำหนดเวลา หรือชำระหนี้แต่เพียงบางส่วน ซึ่งถ้าหากว่าในระหว่างที่มีการนับอายุความ ๒ ปีนั้น สมาชิกบัตรเครดิตได้นำเงินไปชำระแม้เพียงบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยหรือเงินต้นก็ตาม อายุความจะหยุดลงทันที่นับแต่มีการชำระหนี้ และจะเริ่มต้นนับอายุความ ๒ ปีใหม่ในวันรุ่งขึ้น แต่ถ้าในภายหลังที่อายุความขาดลงแล้ว สมาชิกบัตรเครดิตยังนำเงินไปชำระทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นเงินต้นหรือดอกเบี้ยก็แล้วแต่ ก็ไม่ทำให้อายุความที่ขาดลงแล้ว กลับมาหรือขยายความออกไปแต่อย่างใด และเมื่อสมาชิกบัตรเครดิตนำเงินไปชำระหนี้ที่ขาดอายุแล้ว ก็ไม่สามารถเรียกเงินจากธนาคารหรือบริษัทในเครือธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตคืนได้แต่อย่างใด

วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 21, 2553

การเรียกเบี้ยปรับ


การเรียกเบี้ยปรับ เป็นข้อกำหนดของธนาคารหรือบริษัทในเครือเจ้าของบัตรเครดิตที่ได้กำหนดไว้อย่างชัดแจ้งในสัญญาสำเร็จรูป ที่สมาชิกบัตรเครดิตทำข้อตกลงยอมรับไว้ล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแล้ว ในกรณีที่สมาชิกบัตรเครดิตผิดสัญญาที่ได้ทำข้อตกลงเอาไว้ คือไม่ชำระหนี้ภายในกำหนด ไม่ชำระหนี้เลย หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งการกำหนดเบี้ยปรับนั้นในสัญญาอาจจะกำหนดเป็นเงินจำนวนหนึ่ง หรือเป็นดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นอีกส่วนหนึ่ง ถ้าหากเบี้ยปรับที่กำหนดไว้สูงมากเกินสมควร และศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเบี้ยปรับแก่สมาชิกบัตรเครดิตนั้นสูงเกินสมควรจริง ศาลมีอำนาจที่จะหยิบยกเรื่องเบี้ยปรับที่สูงเกินควรหรือไม่เกินควรนั้น มาพิจารณาได้ตามประมวลฏำหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามมารตา ๓๘๓ วรรคแรก ซึ่งวางหลักไว้ว่า " ถ้าเบี้ยปรับที่ริบไว้นั้นสูงเกินควร ศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ ในการที่จะวินิจฉัยว่าสมควรเพียงใดนั้น ท่านให้พิเคระห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่แต่เพียงทางได้เสียในเชิงทรัพย์สิน เมื่อได้ใช้เงินตามเบี้ยปรับแล้ว สิทธิเรียกร้องขอลด ก็เป็นอันขาดไป "
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ศาลไม่อาจลดเบี้ยปรับที่กำหนดไว้ในสัญญาเป็นอัตราดอกเบี้ยนั้นจนเหลือเบี้ยปรับเท่ากับ หรือต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยตามปกติที่ธนาคารหรือบริษัทเจ้าของบัตรเครดิตเรียกเก็บจากสมาชิกผู้ใช้บัตรเครดิตที่ไม่ผิดนัดผิดสัญญา และศาลมีอำนาจสั่งลดเบี้ยปรับได้ ถ้าในทางพิจารณาแล้วศาลเห็นว่าเบี้ยปรับนั้นสูงเกินจริง แต่ศาลไม่มีศาลอำนาจที่จะสั่งงดเบี้ยปรับได้เลย ตามฎีกาที่ ๗๓๒๘/๒๕๔๑ และฎีกาที่ ๑๒๗๒/๒๕๔๗

วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 18, 2553

การคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆจากบัตรเครดิต


ธนาคารหรือบริษัทในเครือธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต ได้มีการออกกฎและข้อบังคับไว้ในสัญญาสำเร็จรูปของการสมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิต โดยกฎ ระเบียบและข้อบังคับนั้น เมื่อมีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติล่าช้า สมาชิกบัตรเครดิตต้องชำระค่าธรรมเนียมให้แก่ธนาคารหรือบริษัทในเครือเจ้าของบัตรเครดิต เช่น ค่าธรรมเนียมการสมัครเป็นสมาชิก ค่าธรรมเนียมในการใช้บัตรหลักและบัตรเสริม ค่าธรรมเนียมรายปี
ค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสดจากเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน ค่าธรรมเนียมในการชำระหนี้ล่าช้ากว่ากำหนดเป็นต้น ซึ่งอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการใช้บัตรเครดิต ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ลง ณ วันที่ ๑ เดือนธันวาคม ๒๕๔๙ มื่อรวมกันแล้วต้องม่เกินร้อยละ ๒๐/ปี แต่สิ่งที่เห็นเป็นประจักษ์และปรากฎคือว่าค่าธรรมเนียมบางรายการสูงเกินความเป็นจริง เช่นค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีเป็นต้น ซึ่งเป็นรูปแบบสัญญาสำเร็จรูป ซึ่งมีข้อตกลงที่อาจจะสร้างความไม่เป็นธรรมแก่สมาชิกบัตรเครดิต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
พ.ศ.๒๕๔๐

วันพุธ, กุมภาพันธ์ 17, 2553

ห้ามคิดดอกเบี้ยทบต้นจากสัญญาบัตรเครดิต


สัญญาบัตรเครดิต เป็นสัญญาประเภทรับทำการงานต่างๆ ให้แก่สมาชิกผู้ถือบัตรเครดิต จึงมิใช่เป็นสัญญากู้ยืมเงิน หรือสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี หรือสัญญาบัญชีเดินสะพัดแต่อย่างใด ธนาคารหรือบริษัทในเครือธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นจากสมาชิกผู้ถือบัตรเครดิต ถึงแม้ธนาคารหรือบริษัทในเครือธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต จะมีข้อตกลงกับสมาชิกผู้ใช้บัตรเครดิตให้คิดดอกเบี้ยทบต้น โดยมีการหักเงินจากการบัญชีธนาคารประเภทต่างๆ ไว้ก็ตาม ดังนั้น ธนาคารและบริษัทในเครือธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตคงมีสิทธิเพียงแค่คิดดอกเบี้ยแบบไม่ทบต้นได้เท่านั้น ตามฏีกาที่ ๔๘๔๖/๒๕๔๒

clock